มาดูกันว่า การผสานจุดแข็ง ผนวกพันธมิตร ผลักดัน 'นวัตกรรมอัจฉริยะ' ของ Tuya Smart - T3 Technology - SCG พันธมิตรสายเทคโนโลยี ที่แท็กทีมมากับภาครัฐและเอกชน เปิดทางสร้างความร่วมมือและ Synergy นวัตกรรมอัจฉริยะข้ามพรมแดนไทย - จีน ใครมีศักยภาพอะไร และการขับเคลื่อนตลาด IoT เชื่อมใครกับใครจะก่อเกิดประโยชน์ต่อ Digital Economy และ Creative Economy อย่างไร ต้องอ่าน!
Tuya Smart -T3 Technology - SCG กับทีมพันธมิตรสาย Tech จากภาคเอกชน-ภาครัฐจากไทยและจีน Synergy กันครั้งใหญ่ ผ่านแนวคิด “Connected Technology, Connecting the Opportunities” เชื่อมโอกาสข้ามประเทศเพื่อขับเคลื่อน Digital Economy และ Creative Economy โดยงานที่เกิดขึ้นมีประเด็นหลักที่น่ารู้ ดังนี้
เป็นอีเวนต์ดึงดูด 'ผู้ประกอบการจีน' ทั้งรายใหญ่อย่าง Tuya Smart และ T3 Technology และนักลงทุนหรือผู้สนใจรายอื่นๆ จากจีน ให้เข้ามาตั้งโรงงานผลิต Smart Device ในประเทศไทย
จากการคัดสรรของ SCG กับการคัดเลือกบริษัทที่มีศักยภาพสูง เช่น Tuya Smart ผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม IoT ระบบนิเวศ Smart Home ระดับโลก โดย SCG พัฒนาแบรนด์ mind ต่อยอดให้สามารถใช้งานกับอุปกรณ์ IoT ข้ามแบรนด์ได้ ไม่ว่าจะเป็น Huawei, Samsung, Xiaomi, Lenovo เมื่อผสานกับศักยภาพของ T3 Technology ที่ทำงานร่วมกับโอเปอเรเตอร์ไทยทั้ง 3 ค่าย ได้แก่ AIS, TRUE-DTAC และ NTT ทั้งยังรองรับการใช้งานได้ทั้งระดับครัวเรือนและอุตสาหกรรม จึงเป็นการยกระดับการพัฒนานวัตกรรมอัจฉริยะแบบไม่จำกัดขอบเขตหรือแบรนด์ ผ่านการผนึกความแข็งแกร่งของแต่ละองค์กรกับเหล่าพันธมิตรอย่างแท้จริง
หากมีการลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น ก็จะนำมาซึ่งการจ้างงานและตำแหน่งงานที่เหมาะกับคนรุ่นใหม่ และที่สำคัญ จะช่วยเพิ่มทักษะดิจิทัลให้แก่คนไทยได้ตรงกับที่ตลาดแรงงานต้องการ
เป็นงานที่ผนึกกำลังการพัฒนานวัตกรรมที่ใส่ใจการส่งออกงานคราฟต์ในลักษณะของ Craft Tech จากไอเดียของดีไซเนอร์ไทย ถือเป็นการเพิ่มมูลค่าสินค้า (Value Added) ที่หลายฝ่ายร่วมกันผลักดันไปสู่ตลาดแมส และเป็นการส่งเสริม Soft Power ในอีกมิติหนึ่ง
ภาคเอกชนอย่าง SCG ต้องการนำร่องบุกตลาดจีน พร้อมกับดันตลาด Smart Home ไทยให้ทะยานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่ใช่แค่ในตลาดประเทศจีนเท่านั้น แต่เป็นตลาดระดับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไปจนถึงระดับเอเชียแปซิฟิก
Mr. Holmes Chen, Senior PR Director, Tuya Smart กล่าวถึงประเทศไทยว่า เป็นประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโตของตลาด Smart Home ค่อนข้างสูง Tuya Smart จึงมองเห็นโอกาสในการ ผนึกกำลังเชื่อมกับพันธมิตรผู้พัฒนาพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลอย่าง T3 Technology และ SCG ภายใต้แนวคิด Connected Technology, Connecting the Opportunities โดยนำความแข็งแกร่งด้านการพัฒนาแพลตฟอร์มและอุปกรณ์ Smart Home ของบริษัท มาผสานหรือ Synergy ร่วมกัน เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมที่อยู่อาศัยอัจฉริยะรูปแบบใหม่ๆ รองรับความต้องการด้าน Smart Home ที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
T3 Technology บริษัทที่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี WiFi ของคนจีน ซึ่งเลือกเข้ามาจดทะเบียนจัดตั้ง บริษัท ทีทรี เทคโนโลยี จำกัด ในประเทศไทยเมื่อปี 2560 และเดินหน้านำความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีโทรคมนาคมขยายสู่การดูแลที่ครอบคลุมทั้งที่อยู่อาศัย โดยมี ทรูออนไลน์ เข้ามาผนึกกำลังในการสร้างสรรค์นวัตกรรมเราเตอร์ที่รองรับ WiFi 6E บนความถี่ 6GHz ซึ่งจัดเป็นเทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้าอย่างมากในขณะนี้
Mr. Kevin Guo, Deputy CEO, T3 Technology กล่าวถึงโอกาสในการพบปะและเชื่อมโยงความร่วมมือด้าน IoT ว่า นับเป็นโอกาสดีที่บริษัทได้จับมือร่วมกับพันธมิตร ต่อยอดแนวคิด 'Own the Household' ในการสร้าง Network-Centric Smart-Home หรือ ระบบบ้านอัจฉริยะที่มีเครือข่ายภายในบ้านเป็นศูนย์กลาง
"บริษัทมองว่า การออกแบบและวางระบบเน็ตเวิร์กที่ดี มีความเสถียร เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ Smart Home ทำงานได้แบบเรียลไทม์และเต็มประสิทธิภาพ ดังนั้น การพัฒนา Network Infrastructure ให้แข็งแกร่ง เชื่อมต่อได้รวดเร็ว จะช่วยเชื่อม IoT Smart Home Ecosystem ให้สมบูรณ์แบบได้มากขึ้น" Mr.Kevin Guo กล่าว
คุณอภิรัตน์ หวานชะเอม Chief Digital Officer, SCG กล่าวว่า "ความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยผลักดันตลาด Smart Home ไทยให้เติบโตยิ่งขึ้น ไม่ได้ส่งผลดีเฉพาะผู้พัฒนานวัตกรรมดิจิทัลรายใหญ่เท่านั้น แต่ยังสร้าง IoT Smart Home Ecosystem ไทยให้แข็งแกร่ง เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามาช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรม เพื่อขยายการเติบโตทางธุรกิจและเพิ่มขีดความสามารถให้กับ SMEs และ Startup สัญชาติไทย"
SCG พร้อมเป็นอีกหนึ่งแรงสนับสนุน ทั้งเครือข่ายพันธมิตรและการแบ่งปันโนว์ฮาวการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทย ทั้งนี้ ยังได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรด้านเทคโนโลยี ทั้งจากภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคเอกชน ได้แก่
“การเปลี่ยนบ้านให้เป็น Smart Home เป็นเมกะเทรนด์ที่กำลังมาแรง และมีบทบาทสำคัญในการดูแลที่อยู่อาศัย ทั้งความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และในมิติอื่นๆ เราจึงต้องฝากบ้านทั้งหลังไว้กับระบบที่ไว้วางใจได้ ดังนั้น การเลือกอุปกรณ์ Smart Home ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตทุกรูปแบบ มีดีไซน์หลากหลายรองรับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของผู้ใช้งาน รวมถึงให้บริการโดยผู้พัฒนาที่มีความน่าเชื่อถือนั้นเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญ ซึ่งทาง SCG เองได้มีการพัฒนา Smart Home Solutions แบรนด์ mind ที่สามารถ integrate การทำงานร่วมกับอุปกรณ์ได้หลายค่าย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในส่วนนี้เช่นกัน และเราเชื่อมั่นว่าการ Synergy กันของผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมดิจิทัล และเทคโนโลยีภายในที่อยู่อาศัยในครั้งนี้ จะช่วยสร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้กับอุตสาหกรรมนวัตกรรมดิจิทัล และสร้างมิติใหม่ให้กับการอยู่อาศัยของทุกคนในสังคม” คุณอภิรัตน์กล่าวเพิ่ม
ที่ต้องรู้เพิ่มเติมคือ การ Synergy ร่วมกันในการสร้างศักยภาพให้กับอุตสาหกรรมนวัตกรรมดิจิทัลในครั้งนี้ จะเป็นตัวขับเคลื่อน Digital Economy และ Creativ Economy ให้ประเทศไทย โดยจะเกิดขึ้น 2 มิติ คือ
และในวงเสวนาแบบ Panel Discussion ในหัวข้อ Connected Technology, Connecting the Opportunities ยังมีการพูดคุยเพื่อต่อยอด มองหาโอกาสและเสริมความแข็งแกร่งซึ่งกันและกัน โดยมีผู้ร่วมเสวนาจากหลากหลายภาคส่วน (เรียงลำดับตามบุคคลในภาพ) ดังนี้
ปลดล็อกงานคราฟต์ เปิดประตูให้ซอฟต์พาวเวอร์ : เราสามารถปลดล็อกศักยภาพของเราได้ เพราะคนไทยมีมายด์เซ็ตด้านงานคราฟต์ ซึ่งจัดอยู่ในการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ
Thailand Digital Valley : ประเทศไทยมี EEC หรือ เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ที่ตั้งของ Digital Valley เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมดิจิทัลในจังหวัดชลบุรี ซึ่งไม่ใช่พื้นที่เพื่อดึงดูดการลงทุนเท่านั้น แต่เพื่อการพัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรม พัฒนากำลังคน (Manpower) ให้มีทักษะด้านการใช้เทคโนโลยี สร้างคนให้เป็นนวัตกร ทั้งยังมี Sandbox พื้นที่สำหรับการทดลองอินทิเกรตนวัตกรรมและเทคโนโลยีก่อนการใช้งานจริง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศต่อไป
สมาคม Thai IoT : ก่อตั้งเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เพื่อทำให้คนไทยเข้าใจความสำคัญของเทคโนโลยี IoT ในชีวิตจริงและ IoT ในโลกธุรกิจ
พื้นฐานด้าน IoT : อาจกล่าวได้ว่า เริ่มจากเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ การวัดระยะ (ต้องเข้าใจก่อนว่า ต้องใช้ขอบเขตแค่ไหน) ทำให้ได้ Data มา และสามารถประยุกต์ใช้กับเทคโนโลยี AI, Big Data, Cloud Computing ฯลฯ ได้อีกมาก ดังนั้น IoT จึงเป็นรากฐานของการใช้เทคโนโลยีในทุกๆ อุปกรณ์ได้
ความสำคัญที่ต้องมีการผนึกกำลัง : เรามีเทคโนโลยี แต่ไม่มีคนที่มีทักษะเพียงพอ ก็ไม่มีความหมายต่ออนาคต เราจึงต้องร่วมมือกัน แชร์ความรู้กันเพื่อร่วมกันพัฒนาประเทศ
บทความนี้เป็น Advertorial
Sign in to read unlimited free articles