วันนี้บริษัท RS ประกาศ รีแบรนด์ Shop 1781 ครั้งใหญ่ ภายใต้ชื่อ “RS Mall” เพื่อขยายแนวรุกเข้าสู่ธุรกิจค้าปลีกผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มทุกรูปแบบ ให้สอดคล้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศไทย ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจัยสำคัญมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคคนไทย ที่ใช้งานอินเทอร์เน็ตบนมือถือสูงที่สุดในโลก
นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “การดำเนินธุรกิจพาณิชย์หลากหลายช่องทาง (Multi-platform Commerce หรือ MPC) ถือเป็น Business Model ใหม่ ภายใต้แนวคิด “ทำธุรกิจใหม่ ไร้กรอบ” ที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ทำให้ RS ก้าวเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกในแพลตฟอร์มที่หลากหลาย ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ท่ามกลางสถานการณ์ความผันผวนของเศรษฐกิจ การแข่งขันที่รุนแรงของธุรกิจทีวีดิจิทัล รวมถึงความท้าทายใหม่ในยุคการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี”
ปัจจุบันธุรกิจ MPC เข้าสู่เฟส 2 มุ่งขยายช่องทางจำหน่ายไปสู่ออนแอร์และออนไลน์ เพื่อขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายใหญ่คือ พัฒนาเป็นแพลตฟอร์มจำหน่ายสินค้าและบริการที่หลากหลาย ภายใต้ชื่อ "RS Mall" โดยอยู่บนจุดแแข็งของการมีธุรกิจสื่อและพันธมิตรสื่อรวมทั้งมี Call Center ที่แข็งแกร่งหนุน ทั้งนี้ RS Mall มีโปรดักส์ไลน์ที่เน้นด้านนวัตกรรมคุณภาพสินค้าพรีเมียมกว่า 200 SKU ช่องทางการจำหน่าย โฟกัสที่ออนไลน์ด้วยการเป็นพันธมิตรกับ Line @ โดยเปิด Official page บนแพลตฟอร์ม ผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซ ควบคู่กับการพัฒนาช่องทางอีคอมเมิร์ซของตัวเอง RS Mall จึงเป็นแพลตฟอร์มขายสินค้าและบริการทุกอย่าง มีทั้งที่ลงทุนสร้างเอง เช่น Home Shopping, Direct Sale กับแพลตฟอร์มของพันธมิตรธุรกิจสื่อที่จับมือกับเรา เช่น ไทยรัฐทีวี, เวิร์คพอยทีวี เมื่อผสมผสานรวมกัน "ธุรกิจมีเดีย" ที่มีอยู่ในมือ ทั้งช่อง 8 และคูลฟาเรนไฮต์ (COOL fahrenheit) สิ่งที่ตามมาคือ "Big Data" ที่ทำให้ธุรกิจ MPC เรามีแต้มต่อรู้และเข้าใจพฤติกรรมการซื้อของลูกค้าแต่ละคน ยิ่งลูกค้าซื้อสินค้าเรามากและเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ เมื่อเราออกผลิตภัณฑ์สุดยอดนวัตกรรมใหม่ๆ (New Product) ก็มีโอกาสสูงที่ลูกค้ากลับมาซื้อ ประกอบกับได้พันธมิตรทางธุรกิจอย่างกลุ่ม BTS มาช่วยบริการด้านโลจิสติกส์ที่ครบวงจรทั้งขนส่งและคลังสินค้า โดย Kerry เรียกได้ว่าเป็น One Stop Service ที่มีศักยภาพเหนือคู่แข่ง
RS Mall จึงเป็นการรวมจุดแข็งของธุรกิจ MPC ของ RS ในทุกแพลตฟอร์มมาไว้ที่เดียว เพื่อตอบรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน ที่ใช้ช่องทางดิจิทัลในการทำธุรกรรมทุกรูปแบบ โดยเฉพาะการซื้อสินค้ากลุ่มสุขภาพและความงาม การรีแบรนด์ครั้งนี้จะช่วยสร้างการจดจำและตอกย้ำ RS แบรนด์สินค้าคุณภาพอันดับ 1 ในใจผู้บริโภค ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในการจับจ่ายซื้อสินค้าผู้บริโภคได้ในทุกช่องทาง ทุกแพลตฟอร์ม
ที่ผ่านมา RS ได้ผนึกพันธมิตรผู้นำอุตสาหกรรมไว้มากมาย เพื่อเชื่อมโยงฐานข้อมูลลูกค้า ที่มีทั้งกลุ่ม BTS ผู้ให้บริการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ มีผู้โดยสารถึงเกือบ 1 ล้านเที่ยวคนต่อวัน และ VGI ผู้นำธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้าน รวมทั้งช่องไทยรัฐทีวี, ช่องเวิร์คพอยท์ และในอนาคตกำลังจะมีช่องทีวีใหม่ๆ ร่วมขยายธุรกิจ MPC ด้วย ซึ่งทุกช่องทางได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค เนื่องจากสินค้าของบริษัทมีความโดดเด่นด้วยคุณภาพและมาตรฐานระดับโลกกว่า 200 รายการ อาทิ สินค้ากลุ่มเพื่อสุขภาพและความงาม ได้แก่ แบรนด์มาจีค (Magique) รีไวฟ์ (Revive) หรือสินค้ากลุ่มอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ภายใต้แบรนด์ S.O.M. เช่น กาแฟสำเร็จรูปชนิดผงสำหรับชงดื่มสำหรับผู้ชาย (S.O.M. CMax) เป็นต้น สินค้าในเครือ RS ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากการไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนาและคิดค้นนวัตกรรมใหม่ที่ดีต่อสุขภาพและความงามของผู้บริโภค ทำให้ปัจจุบันบริษัทมีฐานลูกค้าประจำกว่า 2 ล้านราย และยังมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และข้อมูลฐานลูกค้าดังกล่าวถือเป็นหัวใจสำคัญที่สามารถนำมาวิเคราะห์ วิจัยและพัฒนาสินค้าและบริการเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ ทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“ผลจากการรีแบรนด์ครั้งใหม่นี้ คาดว่าจะทำให้ธุรกิจ MPC มีอัตราการเติบโตในปี 2563 อย่างก้าวกระโดด และเป็นส่วนสำคัญที่จะผลักดันรายได้สู่เป้าหมาย 10,000 ล้านบาท ในปี 2565 ตามวิชั่นที่กำหนดไว้อย่างแน่นอน สำหรับไตรมาสสุดท้ายนี้ มองว่าธุรกิจพาณิชย์ค้าปลีกหลายช่องทางจะมีการแข่งขันที่เข้มข้นยิ่งขึ้น ด้วยจำนวนผู้ประกอบการและสินค้าที่มีความหลากหลาย ซึ่งบริษัทเชื่อมั่นว่าด้วยแบรนด์ RS Mall ที่แข็งแกร่งจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพระดับโลก พร้อมกันนี้บริษัทได้เตรียมลงทุนกว่า 10 ล้านบาท สำหรับบุคลากร ขยายจำนวนเทเลเซล เพื่อให้บริการและตอบปัญหาลูกค้าโดยตั้งเป้าเป็นแบรนด์สินค้าอันดับ 1 ที่ครองใจผู้บริโภค และเป็นแพลตฟอร์มจำหน่ายสินค้าชั้นนำทั้งออนแอร์และออนไลน์ของเมืองไทย ภายใน 3 ปีต่อจากนี้ จากการเห็นโอกาสทางธุรกิจและไลฟ์สไตล์ของลูกค้าอย่างใกล้ชิด” นายสุรชัยกล่าว
Sign in to read unlimited free articles