รัฐบาลญี่ปุ่นเล็งให้ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศต้องคำนวณและรายงานปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกมาจากการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ โดยจะใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อพิจารณาคุณสมบัติในการรับเงินสนับสนุนจากรัฐ
กฎดังกล่าวสอดคล้องกับมาตรการของสหภาพยุโรป ที่จะเริ่มบังคับให้เปิดเผยข้อมูลการปล่อยมลพิษตั้งแต่ปี 2024 โดยกระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นวางแผนที่จะนำข้อกำหนดดังกล่าวมาบังคับใช้กับทั้งรถยนต์ไฟฟ้าและปลั๊กอินไฮบริด
ในเบื้องต้นผู้ผลิตจะต้องรายงานปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้กระทรวงฯ อย่างเดียว แต่ข้อมูลนี้จะเปิดเผยให้กับผู้บริโภคได้ทราบเช่นกัน และจะมีตั้งหน่วยงานซึ่งเป็นบุคคลที่สามมาร่วมตรวจสอบข้อมูลด้วย และรัฐบาลญี่ปุ่นจะใช้ตัวเลขนี้เป็นตัวกำหนดว่ายานพาหนะใดจะได้รับเงินสนับสนุนจากภาครัฐบ้าง ซึ่งถ้าเกินจะไม่ได้รับเงินสนับสนุน และเงินอุดหนุนผู้บริโภคนี้เองก็เป็นฟันเฟืองสำคัญในการผลักดันการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับการตรวจสอบ Carbon Footprint ของรถยนต์ไฟฟ้า เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต จัดส่ง ใช้งาน ไปจนถึงการกำจัดและรีไซเคิล ซึ่งกำลังได้รับการยอมรับจากรัฐบาลทั่วโลก
“หากมีการเลื่อนออกร่างกฎหมาย Carbon Footprint ผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นอาจตามกระแสตลาดไม่ทัน” Chiharu Tokoro อาจารย์จากมหาลัย Waseda กล่าว
แม้ว่าพาหนะแบบ EV จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่ายานพาหนะที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลก็ตาม แต่ในกระบวนการผลิตจะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่าการผลิตยานพาหนะที่ใช้เชื้อเพลิงแบบฟอสซิล และกว่า 60% ของปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกมาทั้งหมด มาจากขั้นตอนการผลิตแบตเตอรี่
การผลิตแบตเตอรี่สำหรับยานพาหนะ EV เป็นอุปสรรคสำหรับการคำนวณและเปิดเผยค่า Carbon Footprint อีกทั้งยังต้องเปิดเผยข้อมูลการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จึงเป็นเรื่องยุ่งยากในการหาวัตถุดิบสำหรับการผลิตแบตเตอรี่ให้ได้ไม่เกินค่ามาตราฐานที่กำหนดไว้ ซึ่งในปัจจุบันการผลิตแบตเตอรี่สำหรับยานพาหนะแบบ EV นั้นจะต้องใช้ ลิเธียมและโคบอลต์
อ้างอิง : Nikkei Asia
Sign in to read unlimited free articles