Grab ประกาศเลื่อนการควบรวมกิจการกับบริษัท SPAC (Special Purpose Acquisition Company) เพื่อเข้าตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา จากเดิมที่คาดว่าจะสำเร็จในช่วงไตรมาสที่ 3/2564 ไปเป็นช่วงไตรมาสที่ 4/2564 เนื่องมาจากทาง Grab ต้องตรวจสอบทางการเงินของช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
Grab ถือเป็นบริษัทล่าสุดที่ต้องเข้าตรวจสอบทางการเงินอย่างเข้มข้นจากทางหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินของสหรัฐฯ โดยถูกเพ่งเล็งจากกรณีที่ Grab ได้ควบรวมกิจการกับบริษัท SPAC เพื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ และมีสาเหตุเพิ่มเติมจากที่บริษัทต่าง ๆ เริ่มเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ผ่านวิธีควบรวมกิจการกับบริษัท SPAC มากขึ้น ส่งผลให้มีจำนวนบริษัทแห่เข้าสู่ตลาดหุ้นสหรัฐมากกว่า 500 บริษัท
โดย Grab ได้ออกมาชี้แจงว่า ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบทางการเงินตามมาตรฐานของสํานักงานตรวจสอบบัญชีบริษัทมหาชนในสหรัฐอเมริกา หรือ PCAOB ที่ทางก.ล.ต. ของสหรัฐฯ ได้ขอมา ทำให้ต้องตรวจสอบข้อมูลทางการเงินของ Grab ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
ความเข้มงวดในการตรวจสอบของ ก.ล.ต. ในบริษัท SPAC ต่าง ๆ ส่งผลให้ในช่วงที่ผ่านมา หลายรายต้องมีการยื่นขอแก้ไขเอกสารใหม่ อีกทั้งทางหน่วยงานที่กำกับดูแลยังเสนออีกว่า SPAC มีความจำเป็นที่จะต้องทำบัญชีสำหรับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ (Warrant) หรือ หลักทรัพย์ที่จะออกให้แก่นักลงทุนรุ่นแรกเป็นหนี้สินรวม (liabilities) แทนการเป็นส่วนของผู้ถือหุ้น (equity)
ตอนนี้ Grab ที่ถือเป็นบริษัท Startup ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กำลังหาผลตอบแทนจากจากการเข้าควบรวมกับบริษัท SPAC ของสหรัฐฯ อย่าง Altimeter Growth โดยคาดการณ์ไว้ว่าการควบรวมครั้งนี้จะทำให้มูลค่าของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 4 หมื่นล้านดอลลาร์ และหลังจากบริษัทปิดดีลเรียบร้อยแล้วจะตั้งชื่อย่อหลักทรัพย์ว่า GRAB และให้มีการซื้อขายกันบน ตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq
มูลค่าผลิตภัณฑ์และบริการทั้งหมดของ Grab เพิ่มขึ้น 5.2% สู่ 3.6 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่ 1 ปี 2564 โดยรายได้จากบริการส่งอาหารเดลิเวอรี่ที่เพิ่มขึ้นอีก 49% ได้ไปชดเชยให้กับรายได้ในส่วนของบริการเรียกรถรับ-ส่งที่ตอนนี้ยอดการใช้บริการลดน้อยลง นอกจากนี้บริการทางการเงินของ Grab ก็เติบโตไปอีกกว่า 17% เช่นกัน
อ้างอิง Bloomberg
Sign in to read unlimited free articles