ลงทุน ESG เสี่ยงสูง เพราะธุรกิจด้านความยั่งยืนหาเงินไม่ได้…จริงเหรอ ?
ฟังมุมมองใหม่จาก 2 ผู้ก่อตั้งกองทุนด้านความยั่งยืนอย่างคุณสิตา จันทรมังคละศรี จาก Siam Capital กองทุนด้าน ESG ในสหรัฐอเมริกา และคุณธนพงษ์ ณ ระนอง Managing Director ของ Beacon Venture Capital (Beacon VC) ภายใต้ธนาคารกสิกรไทย ที่ Techsauce ได้มีโอกาสพูดคุยถึงแนวคิด "มอง ESG เป็นโอกาสการสร้างความมั่งคั่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคสมัยของเรา" จะมีความพิเศษยังไง และธุรกิจปรับใช้ได้มากแค่ไหน ไปทำความรู้จักกัน !
คุณสิตา จันทรมังคละศรี ผู้ก่อตั้งกองทุน Siam Capital ได้สั่งสมประสบการณ์มากมายจากการทำงานที่ธนาคาร Goldman Sachs, กองทุน Future Positive และบริษัท Startup ชั้นนำอย่าง UberEats ทั้งในด้านการลงทุน การพัฒนาความยั่งยืน และการดำเนินงานของ Startup จึงได้ก่อตั้งกองทุน Siam Capital ขึ้นในปี พ.ศ. 2564 เพื่อให้ Siam Capital เป็นกองทุนที่เข้าไปลงทุนในจุดบรรจบด้านความยั่งยืน โครงสร้างพื้นฐานด้านการอุปโภคบริโภค และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงโลก เพื่อค้นหานวัตกรรมที่กำหนดทิศทางแห่งทศวรรษในการยกระดับชีวิตผู้คนและโลกให้ดีขึ้น ณ ปัจจุบันแม้ทางกองทุนจะยังคงให้ความสำคัญกับตลาดสหรัฐอเมริกา แต่ Siam Capital กำลังจะขยายการดำเนินงานเพื่อให้ครอบคลุมการลงทุนทั่วโลก
‘โอกาสจากการสร้างความยั่งยืน’ คือ จุดเริ่มต้นและความตั้งใจที่ทำให้เกิดกองทุน Siam Capital ขึ้นมา โดยคุณสิตา เล่าว่า ถึงแม้ว่าการสร้างความยั่งยืนจะเป็นความท้าทายที่สำคัญที่สุดในยุคนี้ แต่มันก็เป็นโอกาสทางเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดด้วยเช่นกัน
เพราะแม้ว่าในอดีตการจัดสรรเงินทุนในด้านนี้มักเกี่ยวข้องกับการกุศลและไม่ได้คาดหวังผลกำไร แต่ในไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตลาดการลงทุนในด้านความยั่งยืน โดยเฉพาะด้านที่มีผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศ ได้รับความสนใจในระดับโลกและพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบ การพัฒนาด้านเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยขึ้น รวมถึงความเร่งด่วนในการหาแนวทางเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ จึงเป็นโอกาสที่ทำให้ธุรกิจที่มุ่งเน้นแก้ปัญหาด้าน ESG สามารถดำเนินธุรกิจที่สร้างผลกระทบในเชิงบวกและสร้างผลกำไรได้ดียิ่งขึ้น เงินทุนที่พร้อมลงทุนสำหรับการสร้างความยั่งยืนจึงมีเพิ่มมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน คุณสิตาเชื่อว่านี่คือ โอกาสสร้างความมั่งคั่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคสมัยนี้ Siam Capital จึงถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อคว้าโอกาสนี้เช่นกัน
การหาจุดสมดุลในการลงทุน คือ จุดแข็งของกองทุน Siam Capital โดยคุณสิตา เผยว่า เม็ดเงินเพื่อการลงทุนในด้าน ESG ส่วนใหญ่ยังคงกระจุกตัวอยู่ในอุตสาหกรรมโครงสร้างและโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ซึ่งใช้เงินทุนจำนวนมาก มีความเสี่ยงสูง และเป็นการลงทุนในระยะยาว แต่กลายเป็นว่าบริษัทที่ผลงานดีที่สุดในด้าน ESG กลับเป็นบริษัทที่ใช้สินทรัพย์น้อย (Asset-light) ซึ่งมีโครงสร้างการดำเนินธุรกิจที่ยืดหยุ่น สามารถขยายธุรกิจได้ง่าย และอยู่ธุรกิจปลายน้ำใกล้ชิดกับผู้บริโภค
ทำให้ Siam Capital เห็นจุดสมดุลในการลงทุนซึ่งมุ่งเน้นไปที่ การคว้าโอกาสในการจะใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีให้ผู้บริโภคกับโลก แต่ก็ยังคงมีมาตรการการป้องกันความเสี่ยงที่คล้ายกับบริษัทเทคโนโลยีและบริษัททั่วไป จึงเป็นจุดต่างที่สร้างความพิเศษให้ Siam Capital
ด้วยทฤษฎีการลงทุนที่อยู่ตรงจุดบรรจบระหว่างความยั่งยืน ผู้บริโภคและเทคโนโลยีนี้เอง คุณธนพงษ์ เผยว่า เป็นจุดที่ทำให้ Beacon Impact Fund เลือกจะลงทุนกับ Siam Capital เพราะต้องการสร้างแรงผลักดัน และให้การสนับสนุนผู้คิดค้นนวัตกรรมรุ่นใหม่ที่ต้องการแก้ปัญหาสำคัญที่โลกใบนี้กำลังเผชิญ
การลงทุนใน Siam Capital จึงเป็นเหมือนสะพานที่ทำให้ Beacon Impact Fund สามารถเข้าถึงโอกาสการร่วมลงทุนและเชื่อมต่อกับบริษัทที่เติบโตอย่างรวดเร็วในด้าน ESG รวมถึงเข้าถึงข้อมูลการวิจัยของ Siam Capital เพื่อสร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริงและก้าวสู่ระบบเศรษฐกิจแห่งความยั่งยืนไปด้วยกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามเป้าหมายของทั้ง 2 กองทุน
“การเปลี่ยนแปลงไปสู่ความยั่งยืน ผู้บริโภคจะเป็นพลังขับเคลื่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”
จากความคิดเห็นของคุณสิตา เผยว่า หัวใจหลักในการลงทุนของ Siam Capital คือ ระบบทุนนิยมใหม่ ที่ผู้บริโภคมีความประสงค์จะใช้จ่ายกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม จึงจำเป็นต้องมุ่งเน้นที่โซลูชันของระบบทุนนิยม เพราะผู้บริโภคคือนายทุนที่ทรงพลังที่สุด
ผู้บริโภค คือ ศูนย์กลางของการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เขากิน สิ่งที่เขาทำ วิธีการใช้จ่าย วิธีการดำเนินชีวิต ฯลฯ สิ่งนี้เองที่จะบังคับให้ธุรกิจต้องเปลี่ยนวิธีการทำธุรกิจ ระบบทุนนิยมแบบใหม่นี้จำเป็นที่ต้องมีโครงสร้างพื้นฐานแบบใหม่เพื่อรองรับการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
แนวคิดนี้จึงสอดคล้องกับประโยคที่ Siam Capital ใช้อย่าง “We are not environmentalists, we are capitalists” เพราะปัจจุบันจะต้องยอมรับว่า ESG ถือเป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำเนินธุรกิจ หากธุรกิจของคุณไม่คำนึงถึงประเด็นด้าน ESG ในฐานะนักลงทุนก็มองว่า ธุรกิจนั้นเหมือนไม่เข้าใจขอบเขตเกี่ยวกับการจัดการความเสี่ยง ซึ่งในที่สุดย่อมจะมีผลกระทบต่อบริษัทได้ในระยะยาว
ดังนั้น ‘การลงทุนอย่างยั่งยืน’ ก็มีความหมายเดียวกับ ‘การลงทุนอย่างชาญฉลาด’ ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจมีข้อได้เปรียบในการแข่งขันและจะกลายเป็นมาตรฐานในการตัดสินใจลงทุน
“นักลงทุนในปัจจุบันให้ความสำคัญกับบริษัท Startup ที่สามารถประกอบธุรกิจได้จริง และสร้างผลประโยชน์เชิงบวกได้ในวงกว้าง”
มุมมองนี้ของคุณสิตาสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของกองทุน Beacon Impact Fund ที่เชื่อว่าโมเดลธุรกิจที่เข้มแข็งสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกที่แท้จริงและต่อยอดได้ รวมถึงมีความชำนาญ มีความรู้รอบด้านเกี่ยวกับการทำธุรกิจ คือ ธุรกิจที่มีคุณสมบัติในการดึงดูดนักลงทุนด้าน ESG ได้
กองทุน Siam Capital ในฐานะนักลงทุนก็ให้ความสำคัญต่อธุรกิจที่ช่วยสนับสนุนและให้บริการหรือมีเทคโนโลยีที่ช่วยในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานการบริโภคที่มีอยู่ ซึ่งธุรกิจเหล่านี้ครอบคลุมหลายสาขา เช่น อาหารและการเกษตร อีคอมเมิร์ซและห่วงโซ่อุปทาน ซอฟต์แวร์ทางการเงินและการดูแลการปฏิบัติงาน (financial & regulatory software) เป็นต้น และส่วนใหญ่จะอยู่ในโมเดลธุรกิจที่สามารถเติบโตได้ง่าย เช่น ซอฟต์แวร์ B2B2C, Marketplaces, และแพลตฟอร์ม
เพราะ Siam Capital เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า การลงทุนอย่างยั่งยืนมีความหมายเดียวกับการลงทุนอย่างชาญฉลาด และการผนวกปัจจัยความเสี่ยงด้าน ESG ให้เป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจทางธุรกิจ ในที่สุดจะกลายเป็นมาตรฐานในการตัดสินใจลงทุน เช่นเดียวกับการวิเคราะห์ความเสี่ยง/การวิเคราะห์ด้านมหภาค
คำแนะนำจากกองทุน ESG อย่าง Beacon Impact Fund และ Siam Capital ซึ่งมีความรู้ความเชี่ยวชาญในตลาดด้านความยั่งยืนและการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยี มองว่า ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจหรือการลงทุนด้าน ESG มันจะเติบโตได้ก็ต่อเมื่อ ESG กลายเป็นกระแสการลงทุนหลักและได้รับการยอมรับว่าเป็นปัจจัยพื้นฐาน ในการดำเนินธุรกิจ โดย Beacon Impact Fund สรุป 5 ปัจจัย ที่จะทำให้ธุรกิจและกองทุนเพื่อความยั่งยืนเติบโตได้ ดังนี้
นอกจากนี้ Siam Capital เผยว่าสิ่งสำคัญที่สุดที่ได้เรียนรู้อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่วันแรก คือ ความสำคัญของการปรับตัวของทั้งนักลงทุนและธุรกิจ
เพราะพฤติกรรมการบริโภค วิธีการดำเนินธุรกิจ และสภาพแวดล้อมของตลาดเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ความสามารถในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จึงมีความสำคัญต่อความก้าวหน้าและความสำเร็จในระยะยาวของธุรกิจ
ในอนาคตทางกองทุน Siam Capital ก็มีแผนที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เพราะได้เห็นถึงพลังของเงินทุนและพลังของผู้บริโภคในขณะที่ประเทศไทยกำลังก้าวไปสู่การเป็นผู้นำด้านการคิดเชิงนวัตกรรม เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงโลกและโซลูชั่นด้านความยั่งยืนของภูมิภาคนี้ โดยเชื่อว่าประเทศไทยจะมีบทบาทที่สำคัญมากขึ้นในการพัฒนาด้านความยั่งยืน Siam Capital จึงมีความมุ่งหวังที่จะสร้างสะพานแห่งความร่วมมือระหว่างประเทศไทย ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และสหรัฐอเมริกา ในด้านการลงทุนและการสร้างระบบนิเวศทางเทคโนโลยี
บทความนี้เป็น Advertorial
Sign in to read unlimited free articles