โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง 66 ‘คุณศุภชัย เจียรวนนท์’ ฝาก 7 ข้อเสนอถึงรัฐบาลใหม่ ทรานส์ฟอร์มไทยสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล | Techsauce

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง 66 ‘คุณศุภชัย เจียรวนนท์’ ฝาก 7 ข้อเสนอถึงรัฐบาลใหม่ ทรานส์ฟอร์มไทยสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง 66 สภาดิจิทัลฯ ฝาก 7 ข้อเสนอ นโยบายทรานส์ฟอร์มไทยถึงรัฐบาลชุดใหม่ กับโจทย์ใหญ่ไทยแลนด์ 5.0 “เปลี่ยนผ่านประเทศไทยสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล” แนะตั้ง National Board ผสานกำลังรัฐและเอกชนขับเคลื่อนทุกภาคส่วน ชงหนุนการแข่งขันด้านเทคโนโลยีดิจิทัลทุกมิติ ปลดล็อกศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ดึงเม็ดเงินลงทุนปั้น 20,000 เทคสตาร์ทอัพ ดันไทยเป็น "ศูนย์กลางแห่งเทคโนโลยีของภูมิภาค"

7 ข้อเสนอถึงรัฐบาลใหม่ในครั้งนี้ “สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย” นำโดย “คุณศุภชัย เจียรวนนท์” ประธานสภาดิจิทัลฯ นำเสนอมุมมองและแนวคิดการขับเคลื่อนด้านดิจิทัลเพื่อการพัฒนาประเทศให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งในทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม แก่พรรคการเมืองต่าง ๆ ซึ่งจะลงสนามสู่สมรภูมิการเลือกตั้ง 2566 ภายใต้โจทย์ใหญ่ไทยแลนด์ 5.0 ที่จะ “เปลี่ยนผ่านประเทศไทยสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล”

โดย คุณศุภชัย กล่าวว่า สภาดิจิทัลฯ เล็งเห็นถึงความสำคัญในการผลักดันนโยบายด้านเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล เพื่อการพัฒนาประเทศให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก สร้างขีดความสามารถให้แก่ไทย ทำให้คนไทยและธุรกิจไทยแข็งแกร่ง จึงมีการแถลงนโยบายทรานส์ฟอร์มประเทศไทย มุ่งสร้างศักยภาพการแข่งขันด้านเทคโนโลยีดิจิทัลทุกมิติ เพื่อเป็นแนวทางให้พรรคการเมืองนำไปกำหนดเป็นนโยบายพัฒนาประเทศ ยกระดับเศรษฐกิจไทยให้มีความแข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับสร้างขีดความสามารถการแข่งขันสูงขึ้น 

“หากเราดูจากอันดับการแข่งขันในเวทีโลกด้านเศรษฐกิจของประเทศไทยอยู่อันดับที่ 26 และอันดับความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลอยู่อันดับที่ 40 อีกทั้งโครงสร้างพื้นฐานด้านสื่อสารอยู่อันดับที่ 15 ของโลก รวมถึงทักษะภาษาอังกฤษอันดับที่ 97 นอกจากนั้นด้านการลงทุน พบว่า ต่างประเทศลงทุนด้านเทคโนโลยีเหลือเพียง 2% ของมูลค่ารวมอาเซียน จาก 14% ดังนั้น จะเห็นได้ว่าประเทศไทยมีจุดที่สามารถพัฒนาได้อีกมาก"

นอกจากนี้ ความท้าทายของโลกและของประเทศไทยมี 4 ประการ ประกอบด้วย

  • ความเหลื่อมล้ำ การเข้าถึงแหล่งทุน (Inclusive Capital) 
  • การเปลี่ยนผ่านด้านดิจิทัล (Digital Transformation) 
  • การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (Climate Change) 
  • โลกแบ่งขั้ว (Multi Polar) 

ซึ่ง ประเด็นท้าทายข้างต้นเหล่านี้สามารถสะท้อนให้เห็นถึงการขับเคลื่อนด้วยการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีดิจิทัลทั้งสิ้น

7 ข้อเสนอถึงรัฐบาลใหม่

โดยสิ่งสำคัญที่ประเทศไทยสามารถก้าวข้ามความท้าทายในระดับโลกได้ คือ นโยบายทรานส์ฟอร์มประเทศไทย ขับเคลื่อนประเทศสู่ยุค 5.0 ซึ่งสภาดิจิทัล ฯ ได้เสนอแนวทางสำคัญ 5 ด้าน ที่จะเสริมศักยภาพและขีดความสามารถด้านการแข่งขันของไทยให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน ประกอบด้วย

1. บูรณาการให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม (PUBLIC-PRIVATE-PARTNERSHIP)

เพื่อวางรากฐานของการพัฒนาประเทศในทุกด้าน โดยการยกระดับการทำงานของภาครัฐสู่รัฐบาลดิจิทัล (E-Government) เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และผสานความร่วมมือในประเด็นที่คาบเกี่ยวกันหรือทับซ้อนระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ทำให้เกิดความโปร่งใส เร่งดึงคนเก่งและคนดีเข้าสู่การทำงานภาครัฐในระดับบริหารด้วยการปรับเงินเดือนเทียบเท่า หรือ สูงกว่าเอกชน และควรมีข้าราชการที่มีทักษะดิจิทัลอย่างน้อย 20% รวมถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างประเทศ ส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันผลักดันให้ไทยสามารถขับเคลื่อนสู่เศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างแท้จริง

2. สร้างคนทักษะดิจิทัลโดยการปฏิรูปการศึกษา 

ตั้งเป้า 6% ของคนไทยอายุ 6 ปีขึ้นไปมีทักษะดิจิทัลขั้นสูง ภายในปี 2570  แม้ประเทศไทยมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดแต่ในปัจจุบันคนไทยที่มีทักษะดิจิทัลขั้นสูง (เขียนโปรแกรมได้) ยังมีเพียง 7 แสนคนหรือคิดเป็น 1% ในขณะที่มาเลเซียมีมากถึง 16% ซึ่งระดับทักษะดิจิทัลของคนในประเทศย่อมส่งผลกระทบทั้งด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมต่าง ๆ การวิจัยพัฒนานวัตกรรม การวางแผนการพัฒนาบุคคลากร และการดึงดูดการลงทุนการแก้ไขปัญหาถือเป็นเรื่องเร่งด่วน

โดยควรปฏิรูปการศึกษา (Education Reform) เริ่มจากการวางวิชาพื้นฐานในระดับเยาวชนด้วยหลักสูตรด้านเทคโนโลยีในการศึกษาภาคบังคับ การเรียนภาษาคอมพิวเตอร์ และ Computer Science เป็นวิชาหลัก 

รวมทั้งผลักดันให้เยาวชนไทย 7 ล้านคน มีคอมพิวเตอร์ที่มีการคัดกรองเนื้อหาที่ดี เพื่อให้เข้าถึงการค้นคว้า วิจัย พัฒนานวัตกรรม รวมทั้งปลูกฝังคุณธรรมในการใช้เทคโนโลยี  นอกจากนั้นยังควรปลูกฝังความเป็นผู้ประกอบการตั้งแต่ระดับนักเรียน นักศึกษา 

รวมทั้ง ส่งเสริมทักษะด้านภาษาอังกฤษและภาษาจีนก่อนเข้าสู่โลกธุรกิจจริงในอนาคต  และในระดับโรงเรียนต้องสร้างแหล่งเรียนรู้เชิงประสบการณ์ (Experience Learning Based Center) ระดับมหาวิทยาลัยต้องมีศูนย์ความเป็นเลิศด้านนวัตกรรม (Excellence Center) และในระดับเมืองควรเป็นคลัสเตอร์แห่งเทคโนโลยีและนวัตกรรม (Innovation Cluster) สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นรากฐานสำคัญให้เกิดการพัฒนาทักษะดิจิทัลในทุกระดับ

3. สร้างเศรษฐกิจดิจิทัล 

ยกระดับอุตสาหกรรมดิจิทัลไทยให้สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก ประเทศไทยมีความพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัล แต่ปัจจุบันเรายังเป็นเพียงผู้ใช้และเป็นตัวกลางซื้อขายเทคโนโลยีเป็นส่วนใหญ่  จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ควรปรับเปลี่ยนบทบาทให้เป็นผู้คิดค้นนวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลต้องสนับสนุนนโยบายเพื่อให้ผู้ประกอบการไทยตั้งแต่ระดับ SME สามารถก้าวสู่การเป็นผู้คิดค้นและเป็นผู้ผลิตสินค้าและบริการดิจิทัลที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับทุกอุตสาหกรรม 

โดยเฉพาะด้านการเกษตรเพื่อมุ่งสู่ศูนย์กลางความมั่นคงทางอาหาร (Agro/Food Security Hub)  จึงควรยกระดับการเกษตรมีการทำ Agro Industry Transformation โดยใช้เทคโนโลยีอย่าง  Smart Farming, Food Tech  และ Digitalization มาช่วยบริหารการเพาะปลูก รวมทั้ง การปรับระบบ Supply Chain ไปจนถึงการสร้างแบรนด์ไทยในระดับโลก 

โดยผลักดันการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลให้กับ 3,000-5,000 องค์กร สหกรณ์ และวิสาหกิจชุมชน ด้วยการสร้าง Soft Power สินค้า บริการ ท่องเที่ยว ตลอดจนเตรียมพร้อมด้าน Digital Infrastructure สำหรับรองรับวิถีดิจิทัลในทุกอุตสาหกรรม

4. ตั้งเป้าให้ไทยเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมแห่งภูมิภาคอาเซียนภายในปี 2568 

ยกระดับ R&D สร้างเทคสตาร์ทอัพ 20,000 บริษัทในไทยเพื่อช่วยเร่งให้เกิดการทำ Digital Transformation ได้เร็วขึ้น และทำให้เกิดการจ้างงาน Digital & Tech Workforce ไม่ต่ำกว่า 1,000,000 คน ประเทศไทยมีโอกาสดึงดูดนักลงทุนระดับโลกด้วยความพร้อมทางภูมิศาสตร์และความเข้มแข็งของอุตสาหกรรมที่ประเทศไทยมีอยู่ เทคสตาร์ทอัพนับเป็นหัวใจในการขับเคลื่อนธุรกิจด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการจ้างงาน 

อีกทั้ง จำนวนสตาร์ทอัพยังเป็นเสมือนกระจกสะท้อนความสามารถการแข่งขันด้านดิจิทัล ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความมั่นใจในการตัดสินใจลงทุน รัฐจึงควรตั้งเป้าหมายดึงดูดกองทุนหรือนักลงทุนระดับโลก (Big Boy) อย่างน้อย 3 ราย 

ยิ่งไปกว่านั้นประเทศไทยควรสร้าง 5 Innovation Center ระดับโลก ได้แก่ 

1.Bio 

2.Nano & Energy 

3. Robotic & Digital 

4. Space 

5. Preventive Health care / Health Tech 

อย่างไรก็ตามการตั้งเป้าเป็น Regional Innovation Hub หรือแหล่งการลงทุนและศูนย์สร้างสรรค์นวัตกรรมของภูมิภาค เราจะต้องพัฒนาศักยภาพการเป็น Innovation Cluster สำหรับผู้ประกอบการและนักวิจัยไทย ตลอดจน ผลักดันนโยบายเร่งด่วนเพื่อดึงดูดการลงทุน และผู้เชี่ยวชาญระดับโลก เช่น Global Talents และDigital Nomads พร้อมทั้งเร่งยกระดับงานวิจัยและนวัตกรรมโดยประสานพลังภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษาให้ต่อยอดขยายผลเกิดการใช้งานจริงได้ในระดับโลก

5. สร้างสังคมดิจิทัลควบคู่ส่งเสริมคุณธรรมและวัฒนธรรมที่ดีงาม 

ผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นสังคมดิจิทัลเต็มรูปแบบ ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างความยั่งยืนโดยขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางจำนวน 1 ล้านคน ให้สามารถเข้าถึงบริการดิจิทัลอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมภายในปี 2566 อีกทั้งรัฐบาลควรส่งเสริมสร้างภูมิคุ้มกันด้านดิจิทัล (Digital Vaccine) ความปลอดภัยและความรู้เท่าทันเทคโนโลยีให้แก่ประชาชนเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแก้ปัญหาของประเทศทุกมิติ โดยการใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนแบบ Green Economy ที่คำนึงถึงความยั่งยืน 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ และการส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือกเพื่อให้ต้นทุนพลังงานถูกลง จึงจะเกิดการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างแพร่หลายทั่วถึงและยั่งยืน นอกจากนี้ รัฐควรผลักดันนโยบายที่สนับสนุนดิจิทัลคอนเทนต์คุณภาพของไทย โดยการสร้างอัตลักษณ์คุณค่าทางวัฒนธรรมไทย ที่ผสมผสานทั้งสื่อ วัฒนธรรมและเทคโนโลยีเข้าไว้ด้วยกัน 

และควรสนับสนุนคอนเทนต์ที่เกี่ยวกับคุณธรรมและจริยธรรมในช่วงเวลา Prime Time ด้วยการสร้างแรงจูงใจ (Incentive) เช่น เงินทุนสนับสนุน ทำให้ประเทศสามารถหล่อหลอมวัฒนธรรมที่ดีงามไปกับเทคโนโลยี ถือเป็นการขับเคลื่อนวัฒนธรรมของชาติให้ออกสู่เวทีโลก

7 ข้อเสนอถึงรัฐบาลใหม่

สรุป 7 ประเด็นสำคัญที่อยู่ภายใต้ 5 ข้อเสนอข้างต้น เพื่อเป็นแนวทางแก่รัฐบาลใหม่ในการเปลี่ยนผ่านประเทศไทยสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล ดังนี้ 

1. กำหนดวิชาภาษาคอมพิวเตอร์ / Computer Science เป็นวิชาหลักในการหลักสูตรการศึกษาพื้นฐาน และเด็กทุกคนต้องมีคอมพิวเตอร์ที่มีซอฟต์แวร์คัดกรองที่ดีและมีคุณธรรมในการใช้เทคโนโลยี 

2. ส่งเสริม Media & Content ที่เกี่ยวกับคุณธรรมและจริยธรรม ในช่วง Prime Time ด้วยการให้ Incentive 

3. ตั้งเป้าเทคสตาร์ทอัพ 20,000 บริษัท เพื่อช่วย Digital Transformation และ Digital & Tech Workforce 1 ล้านคน อีกทั้งต้องมี Match Fund 

4. ยกระดับการเกษตร Agro Industry Transformation / Smart Farming / Food Tech & Brand /สร้าง 3,000-5,000 องค์กร สหกรณ์และวิสาหกิจชุมชน 5.0

5. ดึงดูดคนเก่งและคนดีเข้าสู่ระบบราชการระดับบริหารด้วยการปรับเงินเดือน เทียบเท่าหรือสูงกว่าเอกชน ปรับรัฐบาลเป็นรัฐบาลดิจิทัล (E-Government) และควรมีข้าราชการที่มีทักษะดิจิทัลอย่างน้อย 20%

6. สร้าง 5 Innovation Centers ระดับโลก ได้แก่ 1. Bio 2. Nano & Energy 3. Robotic & Digital 4. Space 5. Preventive Health Care/Health Tech

7. สนับสนุนการต่อยอดผู้ประกอบการไทย / โครงสร้างการขับเคลื่อน

ขณะเดียวกัน สภาดิจิทัลฯ ในฐานะองค์กรที่ทำงานร่วมกับภาครัฐบาล ภาคเอกชน และภาคประชาชน ในการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันด้านดิจิทัล เพื่อไปสู่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน 

มีพันธกิจยุทธศาสตร์สำคัญใน 5 ด้าน ได้แก่ 

1) การกำหนดมาตรฐานและตัวชี้วัดด้านดิจิทัล 

2) การสร้างความร่วมมือภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน 

3) การพัฒนาศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ด้านดิจิทัล 

4) การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล 

5) การเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมของภูมิภาค รวมทั้งการขับเคลื่อนด้านสังคมและวัฒนธรรมดิจิทัลของประเทศชาติ

ทั้งนี้ ทางสภาดิจิทัลฯ ได้สรุปความเห็นและนำเสนอแนวคิดการขับเคลื่อนด้านดิจิทัลของประเทศแก่พรรคการเมืองต่างๆ ในการเลือกตั้ง 2566 เพื่อเป็นแนวทางกำหนดนโยบายเพื่อการพัฒนาประเทศให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเร่งช่วยต่อยอดให้ผู้ประกอบการไทยได้ต่อไปอย่างแข็งแรงและเติบโตทั้งในเวทีระดับประเทศและระดับโลก โดยชี้ว่าแม้ทั้งหมดทั้งมวลจะมีประเด็นในหลาย ๆ เรื่องแต่ต้องมียุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนด้วย National Board เป็นสำคัญ

ขณะเดียวกันในช่วงหลายปีที่ผ่านมาประเทศไทยเจออุปสรรคในหลายเรื่อง ทั้งนโยบายด้านดิจิทัลทำให้ไม่สามารถขับเคลื่อนให้เป็น 5.0 ได้ เนื่องด้วยประเทศไทยมี 5G ครอปคลุมทั่วประเทศเร็วกว่าใครในภูมิภาค ดังนั้นในมุมมองของการทำให้ประเทศไทยไม่มีอุปสรรคด้านดิจิทัล ต้องแก้ตรงจุดไหนเพื่อไม่ให้มีการติดขัดกับข้อกฎหมายเดิม ๆ คุณศุภชัย กล่าวว่า ถือเป็นหน้าที่ของสภาฯโดยตรงในการที่จะเสนอข้อกฎหมายที่จะช่วยตรงจุดนี้ ดังนั้นหากมี National Board จะช่วยให้ทุกอย่างดำเนินการได้เร็วขึ้น นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าจะต้องโฟกัสในจุดที่จะเป็นผลลัพธ์ที่ดีให้กับประเทศ 

ทั้งนี้ทั้งนั้นโจทย์ที่ทางสภาฯ ได้ฝากไปถึงรัฐบาลชุดใหม่ทั้งหมดนี้ ทางสภาฯ อยากเห็นผลลัพธ์เป็นรูปธรรมเมื่อไรนั้น คุณศุภชัย ฉายภาพว่า ภายใน 3 ปีจะต้องมีการ Set ระบบนิเวศใหม่ทั้งหมดให้เสร็จสมบูรณ์ก่อน ส่วนการดำเนินการในขั้นตอนต่อ ๆ ไปก็จะตามมา

Sign in to read unlimited free articles

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

AirAsia MOVE ประกาศรีแบรนด์ดิ้งใหม่ สู่ผู้นำแพลตฟอร์มเดินทาง OTA แบบคุ้มครบจบในแอปเดียว พร้อมแพ็กเกจบินทั่วอาเซียนแบบไม่จำกัด

airasia Superapp ประกาศรีแบรนด์ดิ้งใหม่ในชื่อ AirAsia MOVE พร้อมปรับโฉมแอปพลิเคชันใหม่ และเสริมกลยุทธ์ด้านธุรกิจเพื่อผลักดันให้ AirAsia Move เป็นผู้นำด้านแพลตฟอร์ม OTA (ตัวแทนด้านก...

Responsive image

คนไทยไปญี่ปุ่น เตรียมสแกนจ่ายได้ ผ่านระบบ QR Code คาดเริ่มเมษาปีหน้า

สำนักข่าว Nikkei Asia รายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นได้เริ่มพูดคุยกับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อเปิดใช้งานบริการชำระเงินผ่าน QR Code ร่วมกัน ช่วยให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายสะดวกสบาย ไ...

Responsive image

Jitta ก้าวสู่ปีที่ 12 เดินหน้าแก้วิกฤตการเงิน หนุนคนไทยออมและลงทุนอัตโนมัติ

Jitta เข้าสู่ปีที่ 12 เติบโตอย่างแข็งแกร่งบนเป้าหมายที่จะสร้างนวัตกรรมทางการเงิน เพื่อช่วยให้คนไทยเข้าถึงการลงทุนที่ง่ายและสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่า...