การสร้างความยั่งยืนให้ Data Center คือสิ่งจำเป็น | Techsauce

การสร้างความยั่งยืนให้ Data Center คือสิ่งจำเป็น

โดย มาร์ค การ์เนอร์ รองประธานฝ่าย Secure Power สหราชอาณาจักร และไอร์แลนด์

เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าเราต่างยืนอยู่บนทางแยก เพราะสิ่งที่เราตัดสินใจในปัจจุบัน นอกจากจะส่งผลถึงอนาคตคนรุ่นใหม่แล้ว ยังส่งผลต่อโลกทั้งใบ เรื่องนี้กลายเป็นความชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั่วโลก และเนื่องจากความยั่งยืนไต่ระดับสู่การเป็นวาระสำคัญขององค์กรและผู้บริโภค เราจึงได้เห็นว่าองค์กรหลายแห่งกำลังใช้ความริเริ่มที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มาขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกเพื่อมอบประโยชน์แก่โลกที่เราอาศัยอยู่ 

ในขณะที่ความต้องการในการปฏิรูปสู่ระบบดิจิทัลเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ภาคส่วนต่างๆ ที่มีบทบาทสำคัญมากที่สุดในโลกไม่ว่าจะเป็นภาคเกษตรกรรม อาคาร และการก่อสร้าง ตลอดจนดาต้าเซ็นเตอร์ ไอที พลังงานและสาธารณูปโภคด้านต่างๆ ล้วนตัดสินใจไปในแนวทางเดียวกัน คือการนำเรื่องความยั่งยืนมาใช้เป็นด่านหน้าของกลยุทธ์ในองค์กร

เทคโนโลยีจึงกลายเป็นปัจจัยหลักที่สร้างศักยภาพให้แก่ภาคธุรกิจ รวมถึงผู้บริโภค ซึ่งตลอดปีที่ผ่านมา มีการพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล โดยชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประเมินว่าภายในปี พ.ศ. 2578 ภาคไอทีทั่วโลก จะมีการใช้ไฟฟ้า สูงขึ้นถึง 8.5% เมื่อเทียบกับอัตราการเพิ่ม 5% ในปี พ.ศ.2564 นอกจากนี้ อุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ ก็จะกลายเป็นอุตสาหกรรมที่ต้องรับหน้าที่หลักในการขับเคลื่อนการดำเนินงานที่สร้างความยั่งยืน ในการมีส่วนร่วมโดยตรงต่อเป้าหมายการพัฒนาความยั่งยืนของสหประชาชาติ  5 ประการ  (SDGs)

ความยั่งยืนและภาคอุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์

ผู้ประกอบการดาต้าเซ็นเตอร์หลายแห่งในปัจจุบัน ตั้งแต่ไฮเปอร์สเกลเลอร์ ไปจนถึงผู้ให้บริการคลาวด์และโคโลเคชั่น ได้นำร่องตลาดไปก่อนแล้ว ด้วยการทำเป็นแบบอย่างพร้อมประกาศเจตนารมย์อันแรงกล้าต่อสาธารณชนเกี่ยวกับความมุ่งมั่นในเรื่อง Net Zero โดยนำแนวทางที่ให้ความยั่งยืนมากขึ้นมาใช้ในธุรกิจดิจิทัล

ตัวอย่างเช่น Microsoft ได้เริ่มหันไปใช้พลังงานลมแบบหมุนเวียน ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะใช้กันมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการที่ทั้งภาครัฐบาลและประชาชนต่างให้ความสนใจและมีความต้องการใช้พลังงานหมุนเวียนกันมากขึ้น

เรื่องนี้ คือความจริงที่กำลังเป็นที่สนใจอย่างมากในภาคโคโลเคชั่น และในการสำรวจที่จัดทำขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ โดยชไนเดอร์ อิเล็คทริคและ 451 Research โดยมีผู้ประกอบการดาต้าเซ็นเตอร์ระดับโลกกว่า 800 รายเข้าร่วมการสำรวจครั้งนี้ ผลสำรวจพบว่า 97% ของลูกค้าของผู้ให้บริการต่างขอให้มีเรื่องความยั่งยืนอยู่ในข้อผูกพันตามสัญญา และความต้องการเหล่านี้นับเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนให้เกิดความยั่งยืนในราว 50%

อย่างไรก็ตาม การตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นในเรื่องแนวทางปฏิบัติด้านความยั่งยืน ด้วยเป้าหมายด้านสภาพแวดล้อมที่สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างกว้างขวางนั้น ภาคส่วนของเราจะต้องทำงานร่วมกัน ซึ่งองค์กรธุรกิจต่างๆ จะไม่สามารถทำงานแบบไซโลได้อีกต่อไป

สำหรับหลายองค์กร การรวมความยั่งยืนไว้ในแนวทางปฏิบัตินั้นเป็นเรื่องที่พูดง่ายมากกว่าการทำ แต่หากผลักดันให้เกิดการรับรู้ สร้างกลยุทธ์และใช้สิ่งจูงใจที่เหมาะสม เราจะสามารถสนับสนุนให้อุตสาหกรรมสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ที่มีประสิทธิภาพพร้อมปลูกฝังเรื่องความยั่งยืนที่ถูกต้องได้ตั้งแต่แรกเริ่ม บางสิ่งเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับผู้ให้บริการโคโลเคชั่น เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ เนื่องจากลูกค้าจำนวนมากอาศัยฐานการตัดสินใจจากการทำงานร่วมกับองค์กรที่ใส่ใจเรื่องความเป็นสีเขียว 

แผนงานใน 4 ขั้นตอนเพื่อเอาชนะความท้าทายด้านสภาพอากาศ

ความยั่งยืนที่แท้จริงของดาต้าเซ็นเตอร์ในอุดมคติ ไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่คิด และในหลายแง่มุม การสร้างกลยุทธ์ที่ครอบคลุมต้องให้ผู้ดำเนินการมุ่งเน้นความสำคัญในหลายแง่มุมด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบดาต้าเซ็นเตอร์ พื้นที่ สาธารณูปโภคด้านพลังงาน รวมถึงกลยุทธ์ในการดำเนินงาน และบริหารจัดการด้านพลังงาน 

แนวคิดดังกล่าวเป็นเรื่องที่ผมได้รับเชิญไปอภิปรายช่วง keynote ในการเปิดงาน DCD Europe Virtual เมื่อเร็วๆ นี้ และในช่วงเริ่มต้น จะมีองค์ประกอบพื้นฐานสามประการที่ต้องพิจารณา

ประการแรก เราต้องระบุหาพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อช่วยในการดำเนินการได้อย่างยั่งยืน ประการที่สอง ควรประเมินสินทรัพย์สินขององค์กรเพื่อตัดสินใจว่าจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ทั้งหมดได้อย่างไร และประการที่สาม ควรพิจารณาการออกแบบดาต้าเซ็นเตอร์ใหม่หรือแนวคิดที่จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายด้านประสิทธิภาพและความยั่งยืน ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถนำมาใช้กับโครงการใหม่ หรือใช้ในการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกเดิมที่มีอยู่ได้

สำหรับหลายองค์กร แนวคิดทั้งสามประการนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ หรือเป็นแนวคิดที่ล้ำหน้า แต่เป็นหลักการสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนและช่วยสร้างแผนความยั่งยืนสี่ขั้นตอนได้อย่างครอบคลุม ซึ่งสามารถช่วยให้ผู้ประกอบการเอาชนะความท้าทายด้านสภาพอากาศได้ ขั้นตอนสำคัญคือ:

  1. กำหนดความสำเร็จให้กับองค์กรของคุณ และสร้างศักยภาพให้กับทีมงานเพื่อช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายได้

  2. กำหนดเป้าหมายไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายที่ใหญ่หรือเล็กก็ตาม และพยายามให้ได้ผลลัพธ์แม้เพียงเล็กน้อยก็ตามในจุดที่สามารถทำได้ - 1% ต่อปี ถ้าทำได้ตลอดระยะเวลา 25 ปี ก็จะสร้างผลกระทบที่มีนัยสำคัญในองค์กรระดับโลกได้

  3. ปรับใช้โปรแกรมทั่วทั้งธุรกิจของคุณ และวิเคราะห์ในจุดที่สามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ในแต่ละเดือน แต่ละไตรมาส หรือในแต่ละปี

  4. รักษาผลลัพธ์เอาไว้ ด้วยการดูแลสอดส่อง บริหารจัดการ และแบ่งปันบทเรียนที่ได้เรียนรู้

ปัจจัยขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อให้เกิดความยั่งยืน

ทุกวันนี้ มีหลายองค์กรที่ปรับปรุงโครงการด้านความยั่งยืนได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นพร้อมกับได้รับผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว ด้วยความช่วยเหลือของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ตัวอย่างเช่น ฝ่ายจัดหาพลังงานหมุนเวียนทั่วโลกของ Equinix ได้จัดหาพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นจาก 30% เป็น 82% ภายในระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา ขณะที่การจัดหาพลังงานหมุนเวียน 100% ในทวีปอเมริกาเหนือช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้มากถึง 23.2 ล้านเหรียญสหรัฐ

ในทวีปยุโรป 75% ของกระแสไฟฟ้าของ Iron Mountain ถูกแปลงเป็นพลังงานสีเขียว ในขณะที่นำพลังงานหมุนเวียนทั้ง 100% ไปให้บริการสำหรับการดำเนินงานในสหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ และเบเนลักซ์ เรื่องนี้ นอกจากจะช่วยประหยัดเงินและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แล้ว ยังเป็นการผลิตพลังงานสะอาดในปริมาณที่เพียงพอต่อการจ่ายพลังงานเทียบเท่าการใช้สำหรับบ้าน 56,000 หลัง ซึ่งเป็นการเอารถยนต์ออกจากถนนมากกว่า 10,000 คันในแต่ละปี

การมุ่งเน้นที่ Net Zero และความยั่งยืนยังเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับเราที่ชไนเดอร์ อิเล็คทริคอย่างยิ่ง เราได้ประกาศแนวทางในการยกระดับความมุ่งมั่นขึ้นไปอีกขั้นเพื่อให้บรรลุความเป็นกลางด้านคาร์บอน รวมถึงการเร่งไปสู่เป้าหมายปี 2573 ของเราในการสร้างความเป็นกลางด้านคาร์บอนภายในเวลาห้าปีจนถึงปี 2568 เพื่อให้บรรลุการปล่อยมลพิษจากการปฏิบัติงานเป็นศูนย์ภายในปี 2573 โดยเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมาย SBT เพื่อให้ผลที่สมบรูณ์ และบรรลุ net-zero ในห่วงโซ่อุปทานภายในปี 2593 นอกจากนี้ เรามุ่ยังงมั่นที่จะลดการใช้ SF6 ภายในสิ้นปี 2568 ซึ่งรวมถึงในสวิตช์เกียร์ในดาต้าเซ็นเตอร์ของเราด้วย

ขณะนี้มีหลายประเทศที่ลงนามในข้อตกลงปารีส มีหลายอย่างที่ต้องทำและมีเวลาไม่มาก แต่สิ่งหนึ่งที่เราได้เห็นคือธุรกิจต่างๆ โดยเฉพาะในภาคของดาต้าเซ็นเตอร์ ต้องดำเนินการและต้องการที่จะทำเรื่องดังกล่าวโดยพร้อมเพรียง ด้วยการปรับกระบวนการสู่ระบบดิจิทัล การใช้พลังงานไฟฟ้า และประสานการทำงานร่วมกันเพื่อช่วยผู้คนในโลก และเพื่อผลักดันไปสู่การประหยัดค่าใช้จ่าย สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เป้าหมายที่เกินจริง และสามารถบรรลุได้ด้วยสูตรสำเร็จที่เรียบง่าย นั่นคือ พลังงานหมุนเวียน + การใช้พลังงานไฟฟ้า x ประสิทธิภาพ = ความยั่งยืน

ปัจจุบัน การพิจารณาผลกระทบด้านพลังงานของเราไม่ได้เป็นแค่เพียงองค์ประกอบเดียวที่ผู้ประกอบการดาต้าเซ็นเตอร์ต้องคำนึงถึง และก็ไม่ใช่แค่เรื่องการปรับใช้เทคโนโลยีเท่านั้น แต่จำเป็นต้องมีมุมมองแบบองค์รวมเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและผลกระทบด้านพลังงานของเรา ซึ่งโดยทั่วไป ในขณะที่ผู้ประกอบการต่างขับเคลื่อนความริเริ่มที่ยั่งยืน คนเหล่านี้ ต่างพยายามอย่างมากในการรักษาประสิทธิภาพและคงความยืดหยุ่นเอาไว้ ซึ่งเป็นชิ้นส่วนของปริศนาที่หายไป ในการทำให้เป้าหมายดังกล่าวคงอยู่ได้ยาวนาน

ในแง่ของอุตสาหกรรม เราต้องให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากขึ้น ช่วยลดผลกระทบด้านสภาพอากาศให้กับคนรุ่นหลัง ถึงเวลาสำหรับการเปลี่ยนแปลงแล้วเพื่อให้อุตสาหกรรมยืนหยัดต่อไปได้อีกยาวนาน

Sign in to read unlimited free articles

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

AirAsia MOVE ประกาศรีแบรนด์ดิ้งใหม่ สู่ผู้นำแพลตฟอร์มเดินทาง OTA แบบคุ้มครบจบในแอปเดียว พร้อมแพ็กเกจบินทั่วอาเซียนแบบไม่จำกัด

airasia Superapp ประกาศรีแบรนด์ดิ้งใหม่ในชื่อ AirAsia MOVE พร้อมปรับโฉมแอปพลิเคชันใหม่ และเสริมกลยุทธ์ด้านธุรกิจเพื่อผลักดันให้ AirAsia Move เป็นผู้นำด้านแพลตฟอร์ม OTA (ตัวแทนด้านก...

Responsive image

Indorama Ventures ออกหุ้นกู้ 1 หมื่นล้าน ตอกย้ำผู้นำธุรกิจยั่งยืน

Indorama Ventures ผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลกที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ประกาศความสำเร็จในการระดมทุน 1 หมื่นล้านบาท ผ่านการออกหุ้นกู้สกุลเงินบาทให้แก่ผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนร...

Responsive image

Jitta ก้าวสู่ปีที่ 12 เดินหน้าแก้วิกฤตการเงิน หนุนคนไทยออมและลงทุนอัตโนมัติ

Jitta เข้าสู่ปีที่ 12 เติบโตอย่างแข็งแกร่งบนเป้าหมายที่จะสร้างนวัตกรรมทางการเงิน เพื่อช่วยให้คนไทยเข้าถึงการลงทุนที่ง่ายและสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่า...