AWS ชี้ 5 เทรนด์การใช้ Cloud ต่อจากนี้ ต้องเร็วและต้องคัสตอม Data มหาศาลรอด! | Techsauce

AWS ชี้ 5 เทรนด์การใช้ Cloud ต่อจากนี้ ต้องเร็วและต้องคัสตอม Data มหาศาลรอด!

ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 องค์กรต่างก็เร่งปรับตัวและมุ่งสู่ digital transformation โดยทาง AWS (Amazon Web Services) ระบุว่า การนำระบบคลาวด์มาใช้ในองค์กรและอุตสาหกรรม จะเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าธุรกิจจะเป็นรูปแบบใด ขนาดไหนก็ตาม และการใช้ Data จะมีความสำคัญยิ่งกว่าที่ผ่านมา

AWS คุณวัตสัน ถิรภัทรพงศ์ Country Managerคุณวัตสัน ถิรภัทรพงศ์ Country Manager, AWS ประจำประเทศไทย

ธนาคารโลกคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยจะเผชิญกับการเติบโตที่ช้าลงในปี 2566 เนื่องจากภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลก และตามรายงานของบริษัทวิจัย Gartner แม้จะเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ แต่ค่าใช้จ่ายในการใช้บริการคลาวด์สาธารณะของประเทศไทย คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 31.8% ในปี 2566 ซึ่งสูงกว่าอัตราการเติบโตทั่วโลกซึ่งอยู่ที่ 20.7% 

ในด้านค่าใช้จ่ายสำหรับบริการคลาวด์สาธารณะโดยผู้ใช้ในประเทศไทย ธนาคารโลกคาดว่า จะสูงถึง 54.4 ล้านบาทในปี 2566 โดยเพิ่มขึ้นจาก 41.3 ล้านบาทในปี 2565

Key Take Away : เทรนด์ 5 ข้อ รู้รอบการใช้งานคลาวด์

ในวันแถลงข่าวทิศทางบริษัท คุณวัตสัน ถิรภัทรพงศ์ Country Manager, AWS ประจำประเทศไทย กล่าวถึงเทรนด์ 5 ข้อจากงาน AWS re:Invent 2022 ดังนี้

เทรนด์การใช้งานคลาวด์ 5 ข้อ ที่สรุปจากงาน AWS re:Invent 2022เทรนด์การใช้งานคลาวด์ที่สรุปจากงาน AWS re:Invent 2022 (Key Take Away from RIV 2022)

  • เทรนด์ข้อ 1 คลาวด์จะมีความ Specific หรือมีความเฉพาะเจาะจงด้านการใช้งานในแต่ละอุตสาหกรรมมากขึ้น

เช่น การใช้คลาวด์ในเกม, การใช้คลาวด์ใน Healthcare เช่น  OMIC ที่ลงลึกถึงการลำดับจีโนม รวมถึงการใช้คลาวด์ใน Supply Chain ซึ่งได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างจาก Trade War และ Tech War

  • เทรนด์ข้อ 2 เข้าสู่ยุคของการ Simulation ทำให้มีบริการเพื่อทดลองสร้างหรือจำลองสิ่งต่างๆ มากขึ้น 

เทรนด์ข้อนี้ต้องจัดเก็บข้อมูลมหาศาลมากด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Digital Twins สำหรับการสร้างตึก การประมวลผลรถในสนามแข่ง F1 ที่ต้องมีข้อมูลมากถึง 150 TB จึงจะประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว ช่วยลดความเสี่ยงให้ผู้ขับขี่

Source : facebook.com/amazonwebservices/photos/5163586100345380

  • เทรนด์ข้อ 3 การนำข้อมูลมหาศาลมาจัดการ/จัดเก็บแล้วแสดงผลได้แบบเรียลไทม์

ที่สำคัญ AWS มุ่งสู่ Zero-ETL (Extract Transform Load) หรือ การจัดการและใช้พลังงานลดลงจนเป็นศูนย์ สอดคล้องกับการร่วมลดการปล่อยคาร์บอน การสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ในระดับโลก

  • เทรนด์ข้อ 4 จะมีการใช้คลาวด์พัฒนาด้าน Governance และ Security ให้ดียิ่งขึ้น 

เช่น การเข้าถึงการใช้งาน ผู้เข้าใช้งานหรือผู้ที่ต้องการข้อมูลสามารถ Generate ข้อมูลขึ้นมาดูได้ตามความต้องการ หรือองค์กรสามารถกำหนดได้ว่าแต่ละคนเข้าถึงข้อมูลได้ไม่เท่ากัน ตามความจำเป็นหรือตามบทบาทหน้าที่ เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลองค์กร หรือแม้แต่ลูกค้าก็สามารถขอข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ง่ายและปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยองค์กรไม่จำเป็นต้องไปควานหาข้อมูลเพื่อให้แต่ละฝ่ายแบบเดิมอีก จากการใช้โซลูชันใหม่ๆ เช่น Data Zone, Clean Rooms, Security Lake ของ AWS

Source : AWS re:Invent 2022Source : AWS re:Invent 2022

  • เทรนด์ข้อ 5 เราจะได้เห็นการใช้คลาวด์แบบคัสตอมมากขึ้น (Purpose-built chips) และมีการผลิตชิปเองเพิ่มขึ้น 

เนื่องจากการใช้ชิปในตลาด ณ ปัจจุบัน ไม่สามารถจัดการต้นทุนและความร้อนที่เกิดขึ้นได้ทั้งกระบวนการ องค์กรจึงเริ่มสร้างชิปเอง เช่น AWS และลดการลงทุนด้านคลาวด์ลง ช่วยให้ประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้

นวัตกรรมด้านเทคโนโลยีจากงาน AWS re:Invent 2022 

 งาน AWS re:Invent 2022 ที่จัดขึ้น ณ เมืองลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา Adam Selipsky ซีอีโอ AWS ย้ำว่า 'ข้อมูล' เป็นรากฐานที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของทุกองค์กร ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า ปริมาณข้อมูลจะมีมากขึ้นกว่าสองเท่าเมื่อเทียบกับช่วงเริ่มต้นของยุคดิจิทัล ด้วยเหตุนี้ การจัดการข้อมูลขนาดใหญ่และการเติบโตของข้อมูลจึงเป็นทั้งความท้าทายและโอกาสสำหรับทุกองค์กร และเพื่อก้าวข้ามความท้าทายทั้งหลาย AWS จึงสร้างนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อช่วยให้การจัดการข้อมูลทำได้อย่างราบลื่นและเรียลไทม์ 

AWS Thailand ASEANAWS เชื่อว่าระบบคลาวด์จะมีบทบาทที่สำคัญมากขึ้นในปี 2566 โดยจะช่วยให้องค์กรในอาเซียนและประเทศไทยบรรลุวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ และมุ่งมั่นที่จะช่วยให้ลูกค้าใช้ประโยชน์จาก AWS Cloud ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสร้างนวัตกรรม ลดค่าใช้จ่าย และช่วยเปิดตลาดให้กับหลาย ๆ ธุรกิจของไทยไปสู่ตลาดระดับภูมิภาคและระดับโลก 

ถ้าเทียบกับระดับโลก การใช้งานคลาวด์ในไทยมีการเติบโตมากกว่าค่าเฉลี่ยของระดับโลก แสดงให้เห็นว่า องค์กรไทยเปิดรับการใช้คลาวด์มากขึ้น 

คุณวัตสันกล่าวถึงการใช้คลาวด์ที่เพิ่มขึ้น สะท้อนการเปิดรับเทคโนโลยีของคนไทย และระบุว่า การใช้ข้อมูล 3 ด้านต่อไปนี้ จะสำคัญอย่างยิ่งในยุคหลังโควิด นั่นคือ

1. ด้าน Data and Analytics 

เนื่องจากจะมีปริมาณข้อมูลมากถึง 2 เท่าของข้อมูลที่เคยมีมาทั้งหมดภายใน 5 ปีข้างหน้า ผลิตภัณฑ์ที่ AWS สร้างขึ้นเพื่อตอบโจทย์การดำเนินงานด้านนี้ เช่น

  • Amazon Aurora บริการที่เติบโตเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของ AWS และมีลูกค้า AWS หลายแสนรายที่ใช้ Amazon Aurora รวมประสิทธิภาพและความพร้อมใช้งานของฐานข้อมูลแบบดั้งเดิม ผสมผสานเข้ากับความเรียบง่าย และความคุ้มค่าของฐานข้อมูลโอเพ่นซอร์ส ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่า MYSQL ถึงห้าเท่า และมีประสิทธิภาพมากกว่า PostgreSQL ถึงสามเท่า โดยมีค่าใช้จ่ายเพียงหนึ่งในสิบของฐานข้อมูลเชิงพาณิชย์
  • Redshift สามารถนำข้อมูลที่หลากหลายจากแอปพลิเคชันมาจัดเก็บในที่ต่างๆ ซึ่งต้องใช้เครื่องมือวิเคราะห์ที่เหมาะสมเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลประเภทต่าง ๆ โดย Redshift เป็นคลังข้อมูลขนาดเพตะไบต์ (petabyte) ที่มีการจัดการเต็มรูปแบบ ลูกค้า AWS หลายหมื่นรายเพื่อจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลขนาดเอกซะไบต์ (exabyte) ซึ่งให้ประสิทธิภาพด้านราคาที่ดีกว่าคลังข้อมูลคลาวด์อื่น ๆ ถึงห้าเท่า

2. ด้าน AI/ML

Source : AWS re:Invent 2022Source : AWS re:Invent 2022เมื่อมีข้อมูลมากขึ้น การประมวลผลข้อมูลด้วยวิธีเดิมจะไม่สามารถทำได้ นอกจากนี้ ระบบยังต้องการความอัจฉริยะมากกว่าเดิมเพื่อใช้คาดการณ์อนาคต เทคโนโลยี AI/ML (Artificial Intelligence & Machine Learning) จึงจำเป็นและจะเข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้น 

  • SageMaker เป็นตัวอย่างเทคโนโลยี Machine Learning มาใหม่ที่ช่วยคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและยังช่วยสร้างข้อมูลอัจฉริยะให้กับระบบและแอปพลิเคชันต่าง ๆ ด้วย ปัจจุบัน ลูกค้าหลายหมื่นรายใช้ SageMaker เพื่อฝึกโมเดลที่มีพารามิเตอร์หลายพันล้านตัว เพื่อวิเคราะห์คาดการณ์มากกว่าล้านล้านรายการทุกเดือน นอกจากนี้ AWS ยังประกาศความสามารถของ Amazon SageMaker ที่เพิ่มขึ้นมาใหม่อีก 8 รายการในงาน AWS re:Invent อีกด้วย 

3. ด้าน Security

เมื่อมีข้อมูลมากขึ้น ระบบต้องประมวลผลเพิ่มขึ้น ก็ต้องการการจัดการด้านธรรมาภิบาลและความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้นไปด้วย สำหรับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ ได้แก่

  • Amazon GuardDuty ที่ AWS ออกแบบเพื่อความปลอดภัยของลูกค้าในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การดูแลสุขภาพ ธนาคาร และหน่วยงานภาครัฐ โดยโครงสร้างพื้นฐานของ AWS ได้รับการตรวจสอบตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน
  • Amazon Security Lake แบบ preview เป็นบริการที่สร้างขึ้นเพื่อช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลความปลอดภัยในระดับเพตะไบต์ได้อัตโนมัติ ลูกค้าสามารถสร้างที่เก็บข้อมูลความปลอดภัยได้โดยอัตโนมัติด้วยการคลิกเพียงไม่กี่ครั้ง ทำให้มองเห็นข้อมูลความปลอดภัยทั้งหมดและสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพของเวิร์กโหลด แอปพลิเคชัน ข้อมูล โดย AWS Security Lake จะรวบรวมข้อมูลความปลอดภัยอัตโนมัติจากโซลูชันของคู่ค้า เช่น Cisco, Crowdstrike และ Palo Alto Networks รวมถึงเครื่องมือรักษาความปลอดภัยมากกว่า 50 รายการที่รวมอยู่ใน security hub

ทิศทางธุรกิจของ AWS ในไทย ณ ปี 2566

Source : press.aboutamazon.com/physical-retail-technologies

สำหรับทิศทางธุรกิจของ AWS ในประเทศไทยในปีนี้ จะมุ่งเน้นไปที่ 3 กลุ่ม ได้แก่ ธุรกิจการเงิน ธุรกิจค้าปลีก และ อุตสาหกรรมการผลิต ทั้งนี้คาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตสูงในด้านการใช้คลาวด์ และ AWS เองก็กำลังเพิ่มจำนวน AWS Partner และทีมงานในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง

ในปี 2564 AWS แต่งตั้ง บริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น ประเทศไทย จำกัด มหาชน (SiS) ดิสทริบิวเตอร์สินค้าไอทีชั้นนำในประเทศไทย ซึ่งมีลูกค้าเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าไอทีมากกว่า 7,000 รายทั่วประเทศ ให้เป็นดิสทริบิวเตอร์อย่างเป็นทางการ โดย SiS จะเป็นเป็นดิสทริบิวเตอร์ของ AWS รายแรกในประเทศไทยสำหรับกลุ่มผู้ใช้บริการที่เป็นภาคเอกชน เพื่อส่งเสริมการเติบโตด้านดิจิทัลโดยการขยายฐานคู่ค้าและตัวแทนจำหน่าย AWS ในประเทศไทย 

ในปี 2566 นี้ SiS จะสนับสนุน reseller ในการสร้าง Solution Packages สำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (small to medium-sized business: SMB) รวมถึงเว็บไซต์ การสำรองข้อมูล การย้ายข้อมูล และ VDI และสนับสนุน reseller ในการขับเคลื่อนกิจกรรมเพื่อการเข้าสู่ตลาดผ่านการสัมมนาผ่านเว็บการมีส่วนร่วมกับลูกค้าที่มีอยู่ในปัจจุบัน และเพิ่มลูกค้าใหม่ในกลุ่ม SMB

แผนการลงทุนของ AWS ในประเทศไทย

เมื่อไม่นานมานี้ AWS ได้ประกาศแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานใหม่ในประเทศไทย AWS Asia Pacific (Bangkok) Region ด้วยเงินลงทุนมากกว่า 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ (หรือ 1.9 แสนล้านบาท) ในระยะเวลา 15 ปี ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดของ AWS ในประเทศไทยจนถึงปัจจุบัน

ในปี 2565 AWS ประกาศแผนเตรียมเพิ่มบริการด้านโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์มายังประเทศไทยด้วย AWS Local Zone แห่งใหม่ในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเปิดตัว Local Zones ใหม่ 10 แห่งทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น (APJ) เพื่อทำให้ลูกค้าของ AWS ในประเทศไทยสามารถมอบประสิทธิภาพความเร็วในหลักหน่วยของมิลลิวินาที (single-digit millisecond) แก่ผู้ใช้ปลายทางของพวกเขาได้

การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว มีส่วนทำให้เกิดช่องว่างด้านทักษะดิจิทัลที่กว้างขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับความท้าทายในปี 2566 ทั้งภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรม และสถาบันการศึกษาจำเป็นต้องทำงานร่วมกันเพื่อให้การฝึกอบรมทักษะมีความสำคัญมากกว่าที่เคย ภาครัฐและอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั่วอาเซียนกำลังเผชิญกับการขาดแคลนผู้มีความสามารถและทักษะด้านดิจิทัล ซึ่ง AWS กำลังแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรด้านดิจิทัล โดยจัดฝึกอบรมบุคลากรมาแล้วกว่า 700,000 คนทั่วอาเซียนด้วยทักษะด้านระบบคลาวด์ตั้งแต่ปี 2560

Sign in to read unlimited free articles

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

AirAsia MOVE ประกาศรีแบรนด์ดิ้งใหม่ สู่ผู้นำแพลตฟอร์มเดินทาง OTA แบบคุ้มครบจบในแอปเดียว พร้อมแพ็กเกจบินทั่วอาเซียนแบบไม่จำกัด

airasia Superapp ประกาศรีแบรนด์ดิ้งใหม่ในชื่อ AirAsia MOVE พร้อมปรับโฉมแอปพลิเคชันใหม่ และเสริมกลยุทธ์ด้านธุรกิจเพื่อผลักดันให้ AirAsia Move เป็นผู้นำด้านแพลตฟอร์ม OTA (ตัวแทนด้านก...

Responsive image

คนไทยไปญี่ปุ่น เตรียมสแกนจ่ายได้ ผ่านระบบ QR Code คาดเริ่มเมษาปีหน้า

สำนักข่าว Nikkei Asia รายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นได้เริ่มพูดคุยกับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อเปิดใช้งานบริการชำระเงินผ่าน QR Code ร่วมกัน ช่วยให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายสะดวกสบาย ไ...

Responsive image

Jitta ก้าวสู่ปีที่ 12 เดินหน้าแก้วิกฤตการเงิน หนุนคนไทยออมและลงทุนอัตโนมัติ

Jitta เข้าสู่ปีที่ 12 เติบโตอย่างแข็งแกร่งบนเป้าหมายที่จะสร้างนวัตกรรมทางการเงิน เพื่อช่วยให้คนไทยเข้าถึงการลงทุนที่ง่ายและสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่า...