อีกหนึ่ง Session ที่ไม่ควรพลาดจากงาน Techsauce Global Summit 2023 คือหัวข้อ ‘Asia in 2050’ บรรยายโดยคุณ Brett King นักอนาคตวิทยาและผู้ทรงอิทธิพลด้าน Fintech ระดับโลก ซึ่งในหัวข้อนี้จะพาคุณข้ามเวลาไปยังภูมิภาคเอเชียในปี 2050 พร้อมคาดการณ์เศรษฐกิจและอุตสาหกรรมเอเชียเมื่อต้องเผชิญ AI และ Climate change
Brett King เผยว่า ยุค 2020 จะเป็นทศวรรษที่โลกเข้าสู่ยุค AI อย่างแท้จริง หลายธุรกิจและอุตสาหกรรมจะเริ่มเปิดรับให้เทคโนโลยีนี้เข้ามามีบทบาทหลักในการดำเนินงานด้านต่าง ๆ เพราะ AI จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและน่าเชื่อถือกว่าที่ในยุคนั้นทำได้ ซึ่งปัจจุบันมีการทำ AI เข้ามาใช้งานบ้างแล้ว เช่น การใช้ Al ในการวินิจฉัยทางการแพทย์ และการใช้ AI ในการช่วยหาวิธีประหยัดพลังงานให้ศูนย์ข้อมูล
King คาดการณ์ว่าในช่วงปลายทศวรรษ 2020 โลกจะเข้าสู่ยุคของ ‘ขนส่งอัตโนมัติ’ โดยมีมหาอำนาจอย่างประเทศจีนเป็นผู้เล่นหลัก เนื่องจากความก้าวหน้าในเรื่องเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า และยุคนี้จะกลายเป็นยุคทองของเอเชีย ทวีปนี้จะกลายเป็นทวีปที่มีความสำคัญอย่างมากในโลก และไม่ใช่แค่จีนเท่านั้น คำทำนายของ King ชี้ชัดว่า ภายในปี 2050 รายได้ทั่วโลกกว่า 80% จะมาจากเอเชีย และประเทศยักษ์ใหญ่ในปัจจุบันอย่าง สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และสวิตเซอร์แลนด์ อาจไม่สำคัญอีกต่อไป
ในอนาคตอันใกล้นี้ ช่วงปี 2030 ความเชื่อถือและความไว้วางใจที่มีต่อ AI จะสูงขึ้นมาก จนกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คน และจีนมีแนวโน้มสูงมากที่จะกลายเป็นผู้นำเศรษฐกิจโลกคนใหม่ จากความก้าวหน้าทางดิจิทัล เช่น smart contracts (การใช้ Blockchain ในการบันทึกข้อตกลงของสัญญา) หรือสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) ที่จีนเริ่มต้นบุกเบิกมาตั้งแต่ปี 2014 และเทคโนโลยีอื่น ๆ อีกมากมาย
แม้ว่าอนาคตของ AI ในเอเชียจะดูสดใสแค่ไหน แต่ภัยคุกคามจาก Climate Change ก็จะรุนแรงขึ้น อาจส่งผลกระทบที่เลวร้ายต่อเศรษฐกิจและชีวิตของผู้คน ซึ่ง King คาดว่าในปี 2040 จะเป็นช่วงที่โลกได้เห็นผลกระทบจาก Climate Change ได้ชัดเจน เช่น
นอกจากนี้ King เผยว่าผู้คนในช่วง 2040 และ 2050 จะให้ความสำคัญกับ Climate Change มากขึ้น และจะเตรียมพร้อมรับมือกับผลกระทบของมัน เช่น
ในอนาคตเอเชียอาจต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทั้ง การเข้ามาของ AI และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่ King เชื่อว่า เทคโนโลยีจะเป็นหนทางแห่งอนาคตของเอเชีย เช่น ความก้าวหน้าในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ อย่างที่เซี่ยงไฮ้นำ blockchain มาใช้ในโครงสร้างพื้นฐานของเมือง หรือการมีระบบนิเวศทางเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งในเซินเจิ้น เมืองเหล่านี้อาจกลายเป็นจุดหมายที่ดึงดูดุผู้คนจากการใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น
ภายในปี 2050 พลังงานหมุนเวียนอย่าง แสงแดด ลม หรือน้ำจะเพียงพออต่อคนทั่งโลก และจะมีการนำเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชั่น ที่เคยมีการต่อต้านมาใช้ช่วยแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับพลังงานและสิ่งแวดล้อม ซึ่ง King เชื่ออย่างยิ่งว่า มนุษย์อาจมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้นได้ถึง 130-150 ปี จากกการรมีเทคโนโลยีและเศรษฐกิจที่ดีขึ้น
แม้ว่าในปัจจุบันทั้งจีนและสหรัฐจะมีแนวทางที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ประเทศบางแห่งยังคงกังวลว่า AI คือภัยคุกคามที่ร้าย หรือบางประเทศก็ยังคงละเลยการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น Climate Change สิ่งเหล่านี้เป็นปัญหาที่พัวพันกันอยู่ในโลก แต่การจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อเจอกับอนาคตที่สดใสก็ขึ้นอยู่กับปัจจุบัน ทำได้ดีแค่ไหน
จึงเกิดเป็นคำถามที่ King อยากให้กลับไปคิดว่า…
เราต้องการโลกแบบไหนให้กับลูกหลานและคนรุ่นต่อ ๆ ไปกันแน่ ?
Sign in to read unlimited free articles